ประวัติยางพารา
| |||||||||||||
|
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556
ประวัติยางพารา
วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556
พันธุ์ยาง RRIM 600
พันธุ์ยาง RRIM 600
| แม่ X พ่อ | Tjir 1x PB 86 |
| แหล่งกำเนิด | มาเลเซีย |
| ผลผลิต | ผลผลิตสูงมากทั้งในระยะ 2 ปีแรก และปีกรีดต่อๆมา ใน ช่วงผลัดใบ ผลผลิตจะลดลง เพียงเล็กน้อย แต่ใน แหล่งปลูกยางใหม่ ผลผลิต จะลดลงมาก |
| การเจริญเติบโต | ระยะก่อนเปิดกรีดมีการเจริญเติบโตปานกลาง ในระยะ ระหว่างกรีด มีการเจริญเติบโตดี ทรงพุ่มมีขนาดใหญ่ |
| ความหนาของเปลือก | เปลือกเดิมบาง เปลือกงอกใหม่หนา |
| รอยแผลกรีด | ถ้ากรีดลึกเป็นบาดแผลถึงเนื้อไม้ เปลือกงอกใหม่ จะเสียหายรุนแรงมาก |
| ความต้านทานโรค | |
| โรคใบร่วงไฟทอปโทรา | อ่อนแอมาก |
| โรคใบจุดออยเดียม | ปานกลาง |
| โรคใบจุดคอลเทโทตริกัม | ปานกลาง |
| โรคเส้นดำ | อ่อนแอมาก |
| โรคราสีชมพู | อ่อนแอมาก |
| โรคเปลือกแห้ง | ดี มีจำนวนต้นเปลือกแห้งน้อย |
| ความต้านทานลม | ปานกลาง |
| พื้นที่ปลูก | ปลูกได้ในพื้นที่ลาดชัน ไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น และ พื้นที่ ที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง |
| ข้อแนะนำ/ข้อสังเกต | สำหรับ การปลูกยางพันธุ์นี้ทางฝั่งตะวันตกของภาคใต้ และ บริเวณชายแดน ของภาคตะวันออก ในบางปี ที่มี โรคใบร่วงไฟทอปโทรา ระบาดรุนแรง ผลผลิต จะลดลงมาก |
RRIM 600 -
ผลผลิตเฉลี่ย 289 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี
ผลผลิตเพิ่มขึ้นปานกลางเมื่อใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง
ผลผลิตลดลงมากในช่วงผลัดใบในพื้นที่แห้งแล้ง
- การเจริญเติบโตปานกลาง เปลือกเดิมบาง และเปลือกงอกใหม่หนาปานกลาง
- ควรใช้ระบบกรีดครึ่งลำต้น วันเว้นวัน
-
ต้านทานโรคราแป้งและโรคใบจุดนูนปานกลางอ่อนแอต่อโรคราสีชมพู
อ่อนแอมากต่อโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื่อไฟทอปโทราและโรคเส้นดำ
มีต้นเปลือกแห้งจำนวนน้อย ต้านทานลมปานกลาง
- ปลูกได้ในพื้นที่ลาดชันไม่แนะนำให้ปลูกในพื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น และพื้นที่ที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง
- ข้อสังเกต : ไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีโรคใบร่วงไฟทอบโทราและโรคเส้นดำระบาดอย่างรุนแรง
โทร. 081- 2669495, 081-9677950, 089-9462954
******ข่าวด่วน ******
ทางแปลง บุรีรัมย์ยางพารา ได้เปิดรับจองพันธุ์ยาง ปี นี้แล้ว
ถ้าท่านจองตั้งแต่ตอนนี้ ท่านจะได้พันธุ์ยางครบและตรงตามพันธุ์แน่นอน
พันธุ์ยางพาราบางพ้นธุ์เราเพาะชำ เท่าจำนวน
ที่ท่านสั่งจองเท่านั้น
เปิดรับสั่งจอง และสั่งซื้อพันธุ์ยางพารา
ถ้าท่านจองตั้งแต่ตอนนี้ ท่านจะได้พันธุ์ยางครบและตรงตามพันธุ์แน่นอน
พันธุ์ยางพาราบางพ้นธุ์เราเพาะชำ เท่าจำนวน
ที่ท่านสั่งจองเท่านั้น
เปิดรับสั่งจอง และสั่งซื้อพันธุ์ยางพารา
569 ม. 15 ถ.แคนดง-สตึก ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์
โทร. 081- 2669495, 081-9677950, 089-9462954
พันธุ์ยาง RRIT251
1, ผลผลิตเนื้อยางแห้งสูงมาก
1.1 RRIT 251 ให้ผลผลิตเนื้อยอย่างแห้งเฉลี่ย 9 ปีกรีด 467.2 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์ RRIM 600 ซึ่งให้ผลผลิต218.1 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี คิดเป็นร้อยละ 59.4
1.2 RRIT 251 ให้ผลผลิตเนื้อยางแห้ง เฉลี่ย 10 ปีกรีด 474.3 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์ GT 1 ซึ่งให้ผลผลิต 218.1 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี คิดเป็นร้อยละ 117.4
2. การเจริญเติบโต ระยะก่อนเปิดกรีดดี RRIT 251 เมื่ออายุ 7 ปี มีขนาดลำต้นเฉลี่ย 51.6 เซนติเมตร ขนาดใหญ่กว่าพันธุ์RRIM 600 ที่มีขนาดลำต้นเฉลี่ย 74.2 เซนติเมตร และใกล้เคียงกับพันธุ์ GT 1 ที่มีขนาดลำต้นเฉลี่ย 50.1 เซนติเมตร
3. จำนวนต้นเปิดกรีดมาก RRIT 251 มีขนาดลำต้นสม่ำเสมอดีมาก จึงมีจำนวนต้นเปิดกรีดมากคิดเป็นร้อยละ 78.0 ของแปลงมากกว่าพันธุ์ RRIM 600 และ GT 1 ร้อยละ 66.3 และ 13.2 ตามลำดับ
4. ความหนาของเปลือก RRIT 251 เมื่ออายุ 9 ปี มีความหนาเปลือกเฉลี่ย 5.8 มิลลิเมตร หนากว่าพันธุ์RRIM 600 และ GT 1 ร้อยละ 13.7 และ 1.7 ตามลำดับ และเมื่ออายุ 20 ปี ความหนาเปลือกเพิ่มเป็น 9.8 มิลลิเมตร หนากว่าพันธุ์RRIM 600 และ GT 1 ถึงร้อยละ 15.2 และ 11.3 ตามลำดับ
5. จำนวนท่อน้ำยางมาก RRIT 251 เมื่ออายุ 9 ปี มีจำนวนวงท่อน้ำยาง 10.5 วง มากกว่า พันธุ์ RRIM 600 และ GT 1 ร้อยละ23.5 และ 10.5 ตามลำดับ และ เมื่ออายุ 20 ปี มีจำนวนวงท่อน้ำยาง 39.4 วง มากกว่าพันธุ์ RRIM 600 และ GT 1 ร้อยละ 23.1 และ 86.7 ตามลำดับ
6. การต้านทานโรค ยางพันธุ์RRIT251ต้านทานโรก ใบร่วงที่เกิดจากเชื้อไฟทอปโทรา ออยเตียม และคอลเลโทตริกัม ดีกว่าพันธุ์ RRIM 600 และ GT 1
ข้อแนะนำ
- พันธุ์ RRIT1 251 มีขนาดทรงพุ่มใหญ่ และการแตกกิ่งไม่สมดุล ปลูกได้พื้นที่ราบทั่วไป ที่ราบลุ่ม ไม่แนะนำปลูกพื้นที่ลาดชัน 30 องศาขึ้นไป
- ระยะการปลูก 3.5x6 , 4x5 , 3x7 เมตร
- ควรปลูกใกล้แหล่งน้ำ ลำธาร คลอง หนอง บึง
- แบ่งหน้ากรีดครึ่งลำต้น กรีดวันเว้นวัน
- การบำรุงรักษาใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 30-5-18 หรือ 25-7-18 หรือสูตรใกล้เคียง แบ่งใส่ต้นละ 500กรัม 3ครั้ง/ปี สลับการใส่ปุ๋ยหมัก หรืออินทรีย์ชีวภาพ 3 กิโลกรัม/ต้น/ปี
- ระยะการปลูก 3.5x6 , 4x5 , 3x7 เมตร
- ควรปลูกใกล้แหล่งน้ำ ลำธาร คลอง หนอง บึง
- แบ่งหน้ากรีดครึ่งลำต้น กรีดวันเว้นวัน
- การบำรุงรักษาใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 30-5-18 หรือ 25-7-18 หรือสูตรใกล้เคียง แบ่งใส่ต้นละ 500กรัม 3ครั้ง/ปี สลับการใส่ปุ๋ยหมัก หรืออินทรีย์ชีวภาพ 3 กิโลกรัม/ต้น/ปี
สถาบันวิจัยยาง 251 (RRIT 251)
|
|||||
แม่ x พ่อ
|
คัดเลือกจากต้นกล้ายางแปลงเอกชนในจังหวัดสงลา
|
||||
แหล่งกำเนิด
|
ราชอาณาจักรไทย
|
||||
การเจริญเติบโต
|
การเจริญเติบโตก่อนการกรีดดีและระหว่างกรีดเจริญเติบโตปานกลาง
|
||||
ความสม่ำเสมอของขนาดลำต้นทั้งแปลงดี
ทำให้จำนวนต้นเปิดกรีดมาด
|
|||||
การแตกกิ่งและทรงพุ่ม
|
แตกกิ่งมาทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง
การแตกกิ่งไม่สมดุล
|
||||
พุ่มใบทึบ
ทรงพุ่มมีขนาดใหญ่เป็นครึ่งวงกลม
|
|||||
การผลัดใบ
|
ทยอยพลัดใบ
|
||||
ความหนาเปลือก
|
เปลือกเดิมและเปลือกงอกใหม่หนาปานกลาง
|
||||
ระบบกรีด
|
ครึ่งลำต้น วันเว้นวัน
|
||||
ผลผลิตเนื้อยางแห้ง
|
ในพื้นที่ปลูกยางเดิม
ให้ผลผลิต 10 ปีกรีดเฉลี่ย 462 กิโลกรัม
|
||||
ต่อไร่ต่อปี
สูงกว่าพันธุ์ RRIM 600 ร้อยละ 57
|
|||||
ในพื้นที่ปลูกยางใหม่
ให้ผลผลิต 8 ปีกรีดเฉลี่ย
343 กิโลกรัม
|
|||||
ต่อไร่ต่อปี
สูงกว่าพันธุ์ RRIM 600 ร้อยละ 59
|
|||||
ความต้านทานโรค
|
|||||
ใบร่วงไฟทอฟธอรา
|
ต้านทานปานกลาง
|
||||
ราแป้ง
|
ต้านทานปานกลาง
|
||||
ใบจุดคอลเลโทตริกัม
|
ต้านทานปานกลาง
|
||||
ใบจุดก้างปลา
|
ค่อนข้างต้านทาน
|
||||
เส้นดำ
|
ค่อนข้างต้านทาน
|
||||
ราสีชมพู
|
ต้านทานปานกลาง
|
||||
อาการเปลือกแห้ง
|
มีจำนวนต้นยางแสดงอาการเปลือกแห้งน้อย
|
||||
ความต้านทานลม
|
ต้านทานปานกลาง
|
||||
ข้อจำกัดพื้นที่ปลูก
|
ไม่แนะนำให้ปลูกในพื้นที่ลาดชันพื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น
|
||||
และพื้นที่ที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง
|
|||||
ข้อสังเกต/ข้อแนะนำ
|
ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
ยางพันธุ์นี้ในระยะยางอ่อน
|
||||
จะอ่อนแอมากต่อโรคใบจุดคอลเลโทติกัน
|
|||||
ไม่แนะนำให้กรีดถี่มากกว่าวันเว้นวัน
เพราะต้นยาง
|
|||||
จะแสดงอาการเปลือกแห้งมาก
เนื่องจากเป็นพันธุ์
|
|||||
ที่มีพุ่มที่มีทรงพุ่มใหญ่
ไม่ควรปลูกด้วยระยะปลูก
|
|||||
น้อยกว่า3 x 7 เมตร
|
|||||
อ้างอิงข้อมูล:
เทคนิคการขายพันธุ์ยางพาราด้วยตนเอง.พริ้ม ศรีหานาม . 15 หน้า
ทางแปลง บุรีรัมย์ยางพารา ได้เปิดรับจองพันธุ์ยาง ปี พ.ศ.นี้แล้ว
ถ้าท่านจองตั้งแต่ตอนนี้ ท่านจะได้
พันธุ์ยางครบและตรงตามพันธุ์แน่นอน
พันธุ์ยางพาราบางพ้นธุ์เราเพาะชำ เท่าจำนวน
ที่ท่านสั่งจองเท่านั้น
เปิดรับสั่งจอง และสั่งซื้อพันธุ์ยางพารา
ถ้าท่านจองตั้งแต่ตอนนี้ ท่านจะได้
พันธุ์ยางครบและตรงตามพันธุ์แน่นอน
พันธุ์ยางพาราบางพ้นธุ์เราเพาะชำ เท่าจำนวน
ที่ท่านสั่งจองเท่านั้น
เปิดรับสั่งจอง และสั่งซื้อพันธุ์ยางพารา
เพื่อได้รับกล้าไปปลูก ในฤดูฝนที่จะมาถึง ได้ที่ จังหวัดบุรีรัมย์
569 ม. 15 ถ.แคนดง-สตึก ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์
โทร. 081- 2669495, 081-9677950, 089-9462954
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
ชาวพื้นเมืองในอเมริกากลางและอเมริกาใต้เรียกต้นไม้ที่ให้ยางว่า คาอุท์ชุค [Caoutchouc] แปลว่าต้นไม้ร้องไห้ จนถึงปีพศ. 2313 (1770) โจเซฟ พริสลี่ จึงพบว่า ยางสามารถลบ รอยดำของดินสอได้โดยที่กระดาษไม่เสีย จึงเรียกยางว่า ยางลบหรือตัวลบ [Rubber] ซึ่งเป็น คำเรียกยางเฉพาะในอังกฤษและฮอลแลนด์เท่านั้น ส่วนใน ประเทศยุโรปอื่นๆ ในสมัยนั้น ล้วนเรียกยางว่า คาอุท์ชุก ทั้งสิ้น จนถึงสมัยที่โลกได้มีการปลูกยางกันมากในประเทศแถบ อเมริกาใต้นั้น จึงได้ค้นพบว่า พันธุ์ยางที่มีคุณภาพดีที่สุดคือยางพันธุ์ Hevea Brasiliensis ซึ่ง มีคุณภาพดีกว่าพันธุ์ Hevea ธรรมดามาก จึงมีการปลูกและซื้อขายยางพันธุ์ดังกล่าวกัน มาก และศูนย์กลางของการซื้อขายยางก็อยู่ที่เมืองท่าชื่อ พารา [Para] บนฝั่งแม่น้ำอเมซอน ประเทศบราซิล ด้วยเหตุดังกล่าว ยางพันธุ์ Hevea Brasiliensis จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ยางพารา และเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้
โลกเพิ่งจะมีโอกาสรู้จักและใช้ประโยชน์จากยางเมื่อประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 นี้ เอง ในขณะที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้ค้นพบโลกใหม่เดินทางไปอเมริกาในครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.. 2036 (1493) ก็ได้พบว่า มีชาวพื้นเมืองบางเผ่าทั้งในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ได้รู้จักและใช้ประโยชน์จากยางกันบ้างแล้ว เช่น ชาวพื้นเมืองในอเมริกากลางที่ทำรองเท้า
การผลิตยางในโลกสมัยก่อนปี พ.ศ.. 2443 (1900) นั้น ส่วนมากจะเป็นยางที่ปลูกในประเทศแถบอเมริกาใต้คือ บราซิล โคลัมเบีย และปานามาเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นยังมียางที่ได้จากรัสเซีย และอัฟริกาเป็นบางส่วน และในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ยางเริ่มมีความสำคัญ ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์มากขึ้นแล้ว โลกจึงมีความต้องการใช้ยางเป็นจำนวนมาก โธมัส แฮนคอก จึงมีความคิดว่า ถ้าโลก (หมายถึงยุโรป) ยังคงต้องพึ่งยางที่มาจากแหล่งต่างๆ เหล่านั้นเพียงอย่างเดียว ในอนาคตอาจจะเกิดความขาดแคลนยางขึ้นได้ จึงน่าที่จะหาที่ ใหม่ๆในส่วนอื่นๆของโลกเพื่อปลูกยางเอาไว้บ้าง ในปี พ.ศ.. 2398 (1855) จึงนำความคิดนี้ไปปรึกษาเซอร์โจเซฟ ฮุกเกอร์ แต่ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรชาวยุโรปในยุคนั้น ยังไม่มีใครรู้จักยางกันมากนักว่า ยางมีหน้าตาเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งได้ยางมาอย่างไรจากต้นอะไร จนกระทั่งในปี พ.ศ..2414(1871) จึงมีผู้นำภาพวาดต้นยางมาให้เซอร์โจเซฟ ฮุกเกอร์ ดูท่านจึงมีความสนใจในการปลูกยางมากขึ้น จึงได้ปรึกษากับเซอร์คลีเมนส์ มาร์คแฮม ผู้ช่วยเลขาธิการประจำทำเนียบ ผู้ว่าการประจำอินเดีย ความพยายามที่จะนำยางมาปลูกในเอเชียจึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สถานะการณ์ยางในประเทศแถบอเมริกาใต้ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากในสภาวะที่โลกมีความต้องการยางสูงมาก ชาวสวนยางในโคลัมเบียและปานามาจึงโหมกรีดยางกันอย่างหนัก จนในที่สุด ต้นยางในประเทศนั้นจึงได้รับความบอบช้ำมาก และตายหมดจนไม่มีต้นยางเหลืออยู่ในแถบนั้นอีกเลย
ต้นยางพาราเข้ามาปลูกในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ชื่อว่า "สยาม" ประมาณกันว่าควรเป็นหลัง พ.ศ. 2425 ซึ่งช่วงนั้น ได้มีการขยายเมล็ดกล้ายางพารา จากพันธุ์ 22 ต้น นำไปปลูกในประเทศต่าง ๆ ของทวีปเอเชีย และมีหลักฐานเด่นชัดว่า เมื่อ ปี พ.ศ. 2442 พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เป็นผู้เหมือนหนึ่ง "บิดาแห่งยาง" เป็นผู้ที่ได้นำต้นยางพารามาปลูกที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นครั้งแรก
ในปี 2451 หลวงราชไมตรี (ปูม ปุณศรี) ได้นำยางไปปลูกที่จังหวัดจันทบุรี จึงได้มีการขยายการปลูกยางพาราในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการปลูกกันทั่วไป ใน 3 จังหวัด ภาคตะวันออก คือ จันทบุรี ระยอง และตราด และกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคตะวันออก ต่อมาก็มีผู้พยายามที่จะนำพันธุ์ยางไปปลูกทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ เป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับที่ปลูกของภาคใต้ และภาคตะวันออก
ในปี 2508 ดร.เสริมลาภ วสุวัต ผู้วางรากฐานการวิจัยและพัฒนายางการวิจัยและพัฒนายางเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยางไทย โดยเปลี่ยน สถานะจากสถานีทดลองยางคอหงส์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการวิจัย และพัฒนายางของไทยคือ ดร.เสริมลาภ วสุวัต ผู้อำนวยการกองกองการยาง ซึ่งเป็นผู้ควบคุมและดูแลศูนย์วิจัยการยางที่ตั้งขึ้นใหม่ศูนย์วิจัยการยางได้รับความช่วยเหลือจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ และมีผู้เชี่ยวชาญยางพาราสาขาต่างๆ มาช่วยวางรากฐานการวิจัย และพัฒนาร่วมกับนักวิจัยของไทยในระยะเริ่มแรก มีการวิจัยยางด้านต่างๆ เช่น ด้านพันธุ์ยาง โรคและศัตรูยางด้านดินและปุ๋ย การดูแลรักษาสวนยางการกำจัดวัชพืช การปลูกพืชคลุม การปลูกพืชแซมเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ชาวสวนยาง ด้านอุตสาหกรรมยางและเศรษฐกิจยางและมีการพัฒนายางโดยเน้นการพัฒนาสวนยางขนาดเล็ก เช่น การ กรีดยางหน้าสูง การใช้ยาเร่งน้ำยาง การส่งเสริมการแปลงเพาะและขยายพันธุ์ยางของภาคเอกชน การรวมกลุ่มขายยางและการปรับปรุงคุณภาพยางและการใช้ประโยชน์ไม้ยางพารา มีการออกวารสารยางพาราเพื่อเผยแพร่ความรู้ไปสู่ชาวสวนยางและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดหลักสูตรการฝึกอบรมและการจัดสัมมนายางเพื่อถ่าย